บทความ: จากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคตของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับการท่องเที่ยวประเทศไทย

การเดินทางท่องเที่ยวเป็นเรื่องสะดวกขึ้นเมื่อข้อมูลข่าวสารเข้ามาเป็นปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมการตัดสินใจของผู้คน จึงไม่แปลกที่การเดินทางท่องเที่ยวกลายเป็นกิจกรรมหรืองานอดิเรกของผู้คน อย่างไรก็ดี ด้วยวิกฤตสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 นั้นได้กระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การเตรียมความพร้อมเพื่อการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งภาครัฐและภาคเอกชนควรให้ความใส่ใจ เพราะผู้ที่เตรียมความพร้อมได้เป็นอย่างดีจะสามารถมีอัตราเร่งในการฟื้นฟูได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด 

ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2430 (เมจิปีที่ 20) ซึ่งครบรอบ 120 ปี ในปี พ.ศ. 2550 และ 130 ปี ใน พ.ศ. 2560 ตามลำดับ ทั้งสองประเทศมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนอันจะนำไปสู่การพัฒนาความเข้าใจอันดีและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ตัวอย่างเช่น มีการผลิตตราไปรษณียากรครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์การทูตไทย-ญี่ปุ่น (Japan Post, 2007) เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้นในมุมกลับ จำนวนคนญี่ปุ่นที่เดินทางเข้าประเทศไทยก็เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจำนวนคนญี่ปุ่นที่พำพักในประเทศไทย ดังแสดงในรูปที่ 2 และ 3


ข้อมูลจาก JNTO (2021b)


ข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2564)


ข้อมูลจาก MOFA (2020)

การส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้นมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหลัก โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนซึ่งนอกจากการดำเนินงานในประเทศไทยแล้ว ททท. ยังมีสำนักงานในต่างประเทศ ทำหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์ตลาดและนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ประเทศนั้น ๆ 

อำพัน เหล่าสุนทร และคณะ (2563) ได้ศึกษาภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น พบว่าการนำนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นสู่ประเทศไทยนั้นจำเป็นต้องเข้าใจภาพรวมของลักษณะการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก่อน มุมมองที่พบจากการศึกษาประกอบด้วยสามประเด็นหลัก ได้แก่

1. จำนวนชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นและเดินทางเข้าประเทศไทย
ก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปี พ.ศ. 2562 ชาวญี่ปุ่นเดินทางออกนอกประเทศทั้งหมด 20,080,669 คน (JNTO, 2021b) ซึ่งแยกช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2558-2563 ในแต่ละเดือนดังแสดงในรูปที่ 4 พบว่าในปี พ.ศ. 2562 ประเทศญี่ปุ่นมีคนเดินทางออกไม่น้อยกว่า 1.1 ล้านคนต่อเดือน และจะเพิ่มขึ้นมากในสองช่วงเวลา คือ ช่วงเดือนมีนาคม และช่วงเดือนสิงหาคม นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนรอยต่อระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ ซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ว่าช่วงมีนาคมเป็นช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิของสถาบันการศึกษาญี่ปุ่น ส่วนช่วงสิงหาคมเป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของสถาบันการศึกษาญี่ปุ่น รวมทั้งมีวันหยุดโอบ้ง (พิธีทางพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นเพื่ออุทิศให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว) ซึ่งคนทำงานจะหยุด บางบริษัทอาจจะหยุดเป็นเวลาหลายวัน ส่วนช่วงเดือนพฤษภาคมมีวันหยุดหลายวัน หากเลือกที่จะใช้วันหยุดตามสิทธิ์ จะทำให้สามารถใช้วันหยุดยาวได้ จึงทำให้ผู้คนเรียกสัปดาห์นั้นว่า “สัปดาห์ทอง” หรือ “Golden Week” (ในเดือนกันยายนจะเรียกสัปดาห์ที่หยุดยาวว่า “สัปดาห์เงิน” หรือ “Sliver Week”)


ข้อมูลจาก Immigration Services Agency of Japan (2021)

หากจะวิเคราะห์เอกลักษณ์ของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั้น จำเป็นต้องมองย้อนกลับไปถึงปัจจัย และคุณลักษณะของชาวญี่ปุ่นที่น่าสนใจ

ประชาชนสัญชาติญี่ปุ่นเป็นกลุ่มประชากรที่ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการเดินทางไปต่างประเทศเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (Kikuchi, 2018) นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่จะเข้าประเทศไทย ก็ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว ทำให้การไปต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายในมุมมองของชาวญี่ปุ่น

และมีการให้ความสนใจในมาตรฐานของที่พัก ยกตัวอย่างเช่น รายการ Nanatsu no Umi wo Tanoshimo! Sekaisama~ Resort ของสถานี Tokyo Broadcasting System Television (TBS) เป็นรายการที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในมุมมองต่าง ๆ แม้กระทั่งการเช็กเรื่องแรงดันน้ำของฝักบัว เป็นต้น

3. ความเป็นไปได้ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น
Tang et al. (2019) พบว่าการแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจะสามารถต่อยอดเพื่อมองหาวิธีการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ การจะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวนั้น สามารถทำได้สองวิธี คือ การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และการเพิ่มจำนวนการใช้จ่ายต่อคน

กลุ่มนักท่องเที่ยวนักศึกษามหาวิทยาลัย มีความน่าสนใจในช่วงเวลา “Sotsugyuo Ryoko” หรือ “การท่องเที่ยวเมื่อสำเร็จการศึกษา” เมื่อนักศึกษามหาวิทยาลัยสำเร็จการศึกษามักจะมีการรวมกลุ่มเพื่อน ๆ เพื่อเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน การสำรวจของ My Navi Travel (2018) เรื่องการสำรวจเกี่ยวกับ Sotsugyo Ryoko ซึ่งสำรวจนักศึกษามหาวิทยาลัย 855 คน ระหว่างวันที 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ถึง 31 มกราคม พ.ศ. 2561 พบว่าร้อยละ 69.3 ของกลุ่มตัวอย่างผู้ชายตอบว่าจะไปท่องเที่ยว ในขณะที่ร้อยละ 84.3 ของกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงตอบว่าจะไปท่องเที่ยวเช่นกัน การสำรวจนี้ยังพบว่าชาวญี่ปุ่นมีการเดินทางออกนอกประเทศสูงสุดในช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม และฤดูร้อน เดือนสิงหาคม นอกจากนี้ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าแหล่งข้อมูลสำคัญของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้คือ “ข้อมูลทางเว็บไซต์” (ร้อยละ 61.9) ตามมาด้วย “ข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์” (ร้อยละ 52.5) และ “หนังสือนำเที่ยว” (ร้อยละ 34.3) ตามลำดับ ด้วยลักษณะความเอาใจใส่ในข้อมูลข่าวสารจึงไม่น่าแปลกใจที่เรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ก็มีการโพสต์และแชร์ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์กันมากมาย (Leelawat et al., 2020)

โดยทั่วไปปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นสามารถแบ่งเป็นห้าปัจจัยหลัก (Stylidis et al., 2017) ได้แก่ (1) โครงการพื้นฐาน เช่น คุณภาพของโรงแรม, (2) ลักษณะทางธรรมชาติ เช่น อากาศที่สบาย ทัศนียภาพที่สวยงาม, (3) แหล่งท่องเที่ยว เช่น ความหลากหลายของร้านค้า แหล่งท่องเที่ยว, (4) การสนับสนุน เช่น ระบบขนส่งที่เข้าถึงง่าย ข้อมูลการท่องเที่ยวที่เข้าถึงง่าย, และ (5) สภาพแวดล้อมทางสังคม เช่น ผู้คนในพื้นที่มีความเป็นมิตร การใช้ภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษในการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ชาวญี่ปุ่นก็ค่อนข้างให้ความสนใจเวลาเลือกสถานที่ท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน ททท. ยังมีความร่วมมือกับเว็บไซต์แบ่งปันที่พักเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวชุมชน โดยการสร้างการรับรู้และดึงดูดความสนใจไปยังที่พักท้องถิ่นผ่านการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางในท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะส่งผลให้การท่องเที่ยวในชุมชนเติบโตและกระจายผลประโยชน์ของการท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ (The Reporters, 2563)

ทีมวิจัยศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นต่อการท่องเที่ยวประเทศไทย โดยการเก็บข้อมูลผ่าน Twitter V2 API โดยค้นหาจาก “#タイ旅行” , “#タイに行きたい”  หรือ “#タイ行きたい” ตั้งเเต่เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563 จนถึงช่วงเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2564 

ที่น่าสนใจคือคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารไทยก็เป็นสิ่งที่มีการพูดถึงด้วย ไม่ว่าจะเป็น “トムヤムクン”, “グリーンカレー”, “ガパオライス”, ソムタム และ “カオマンガイ” ซึ่งมีความหมายว่า “ต้มยำกุ้ง”, “แกงเขียวหวาน”, “ข้าวกะเพรา”, “ส้มตำ” และ “ข้าวมันไก่” ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงความสนใจในอาหารไทยของคนญี่ปุ่น


ปี พ.ศ. 2563 – เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2564

ประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงด้านอื่น ๆ ผู้คนทั้งสองประเทศมีการติดต่อสื่อสาร ไปมาหาสู่กันทั้งในแง่ของการทำงาน การเชื่อมสัมพันธไมตรี และการท่องเที่ยว จากอดีตถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเป็นผลที่ทำให้อุตสหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกนั้นต้องหยุดชะงักลง แต่ก็ยังมีชาวต่างชาติจำนวนมากเฝ้ารอเวลาที่จะได้มาเยี่ยมเยียนประเทศไทย โดยจะเห็นได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในช่วงของวิกฤตโควิด-19 ระยะแรก ที่ได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศไทยมากมายบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ทวิตเตอร์  (Sontayasara et al., 2021) ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างร่วมมือและเตรียมพร้อมเพื่อรับนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง

ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากนักแต่ ททท. สำนักงานในประเทศและต่างประเทศยังคงเตรียมความพร้อมและจัดทำโครงการเพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาอีกครั้งเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา เช่น การร่วมมือกันระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต เช่น การต่อเติมสนามบิน การปรับภูมิทัศน์ของสถานที่ท่องเที่ยว การเพิ่มมาตรฐานด้านสุขภาพ และการเพิ่มพื้นที่ให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงภายในพื้นที่จังหวัด สนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม มีการจัดทำโครงการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เช่น โครงการที่มอบส่วนลดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยว ที่พักผ่านทางออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและเข้าถึงง่าย มีการเตรียมเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเช่น phuketgreattime.com เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์และนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวและห้องพักที่น่าสนใจในจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ททท. ยังเตรียมการส่งเสริมแผนการท่องเที่ยวภายในพื้นที่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มที่เป็นครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเพื่อน มีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม เช่น กลุ่มทัวร์ และกลุ่มบริษัทเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงและมีกิจกรรมช่วงท่องเที่ยวที่เหมาะสม เช่น “โครงการเที่ยวปันสุข” (ฐานเศรษฐกิจ, 2563), “โครงการเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการที่ช่วยสนับสนุนค่าเดินทางและค่าที่พัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อของอีกด้วย (ไทยรัฐออนไลน์, 2563)

การเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเข้ามาภายหลังช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั้งการจัดทำเว็บไซต์ การเพิ่มช่องทางการตลาดที่เข้าถึงง่ายเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ และการนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวและห้องพักที่น่าสนใจในราคาพิเศษ หรือการเตรียมความพร้อมสำหรับระบบขนส่งสาธารณะนับเป็นปัจจัยสำคัญในการท่องเที่ยว แต่ที่ขาดไม่ได้คือการจัดการการท่องเที่ยวในฐานะเจ้าบ้านที่ดี เพราะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับผู้คนในเมืองที่ไปท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ซึ่งประเทศไทยในฐานะเจ้าบ้านพร้อมแล้วที่จะให้การต้อนรับและดูแลนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนให้มีความสุข รู้สึกสนุก และปลอดภัยตลอดการเดินทาง


กิตติกรรมประกาศ
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Special Program for Research Grant against COVID-19 (CU SPRAC2101, JICA Project for AUN/SEED-Net


ไทยรัฐออนไลน์. (2563, 10 กรกฎาคม). เราเที่ยวด้วยกัน ตอบ 8 คำถามคาใจ เตรียมพร้อมก่อนลงทะเบียนชิงสิทธิ์เที่ยว. www.thairath.co.th. https://www.thairath.co.th/business/economics/1886423. 
ไทยรัฐออนไลน์. (2564, 19 พฤษภาคม). เอเย่นต์ทัวร์ต่างชาติ "ไม่กลัว" โควิดไทย! ลุ้น "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เปิดเกาะ 1 ก.ค.นี้. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2564. จาก https://www.thairath.co.th/news/local/south/2094681
อำพัน เหล่าสุนทร, ณัฏฐ์ ลีละวัฒน์, Jing Tang, วันใหม่ โพธิ์ถาวร, และศิวกร กมลภากรณ์. (2563). แนวทางการพัฒนาสภาพแวดล้อมการท่องเที่ยวไทยผ่านมุมมองของตลาดญี่ปุ่น. วารสารสิ่งแวดล้อม, 24 (1).