ศีลาวุธ ดำรงศิริ และ เพ็ญรดี จันทร์ภิวัฒน์
สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


พลาสติก สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย ขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัย เช่น การแบ่งประเภทพลาสติกตามสมบัติทางความร้อน หรือการแบ่งประเภทของพลาสติกตามความสามารถในการนำกลับมาหมุนเวียน หรือรีไซเคิล (Recycle) ได้ เป็นต้น บทความนี้ได้กล่าวถึงประเภทของพลาสติกหลายชนิดที่ได้มีการศึกษาวิจัยและอ้างอิงถึงในบทความวิจัยต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ซึ่งมีคำย่อภาษาอังกฤษของพลาสติกแต่ละชนิด ดังนี้ พอลิเอธิลีน (Polyethylene: PE) พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride: PVC) พอลิโพรพิลีน (Polypropylene: PP) พอลิสไตรีน (Polystyrene: PS) พอลิคาร์บอเนต (Polycarbonate: PC) พอลิเอธิลีนเทเรพฟธอลเลต (Polyethylene terephthalate: PET) พอลีเอสเตอร์ (Polyester: PES) พอลิยูรีเทน (Polyurethane: PUR) และพอลิเอไมด์ (Polyamide: PA) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถูกเรียกว่า ไนลอน (Nylon)


ไมโครพลาสติกเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่ถูกกล่าวถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันนี้ปริมาณของขยะพลาสติกนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และโดยส่วนมากมักถูกจัดการอย่างไม่ถูกหลักสุขาภิบาล ขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นบนบกเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจถูกพัดพาลงสู่แหล่งน้ำและทะเล จนก่อให้เกิดปัญหาแพขยะทะเลได้ในที่สุด พลาสติกนั้นเป็นขยะที่มีน้ำหนักเบาและไม่สามารถย่อยสลายได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงสามารถถูกพัดพาออกไปไกลจากแหล่งกำเนิดได้ และสามารถสลายตัวกลายเป็นชิ้นพลาสติกที่มีขนาดเล็กลงได้เมื่อถูกแสงแดด หรือแรงกระแทกจากคลื่น ลม และกระแสน้ำในแหล่งน้ำและทะเล พลาสติกที่แตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ เหล่านี้ สามารถแพร่กระจายได้ง่าย สามารถถูกสะสมโดยสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ อีกทั้งยังสามารถเป็นวัสดุตัวกลางที่สะสมสารพิษอื่น ๆ ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจศึกษาการจัดการขยะพลาสติกและสถานการณ์การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกตั้งแต่ต้นน้ำ (แหล่งกำเนิดบนบก) กลางน้ำ (แหล่งน้ำจืดผิวดิน) ไปจนถึงปลายน้ำ (ทะเลและมหาสมุทร) เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการเริ่มศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในระบบการผลิตน้ำประปาเพื่อการบริโภคและอุปโภคอีกด้วย เพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจต่อสถานการณ์การปนเปื้อนของขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกอย่างรอบด้าน จนสามารถนำไปสู่แนวทางการบริหารจัดการขยะพลาสติก และการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ไมโครพลาสติก (Microplastic) หมายถึง ชิ้นส่วนของพลาสติก (Plastic fragment) หรือพอลิเมอร์สังเคราะห์ ที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร (Horton et al., 2017; Horton and Dixon, 2018; Jiang, 2018) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามแหล่งที่มา ดังนี้
1) ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ (Primary microplastic) คือ พลาสติกที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาให้มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร เพื่อการใช้ประโยชน์เฉพาะด้าน (รูปที่ 1) เช่น เม็ดพลาสติกบริสุทธิ์1  (Nurdle) กลิตเตอร์2  (Glitter) เม็ดบีดส์3  (Beads) หรือไมโครบีดส์ (Microbeads)


ที่มา: (ก) Horton and Dixon (2018), (ข) อรัณย์ หนองพล (2561), (ค) Way Magazine (2015) และ https://imgur.com/gallery/aSWGw


1  เม็ดพลาสติกบริสุทธิ์ (Nurdle) คือ วัตถุดิบตั้งต้นของการผลิตพลาสติกทุกประเภท มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร จึงทำให้สามารถปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมระหว่างกระบวนการขนส่งและการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ (Horton and Dixon, 2018)
2  กลิตเตอร์ (Glitter) คือ สารตกแต่งอาหารที่ผลิตมาจากส่วนผสมที่มีส่วนประกอบของพลาสติกขนาดเล็ก ปัจจุบันได้รับความนิยมในการถูกนำมาใช้ตกแต่งอาหาร เพื่อให้อาหารมีความเงางาม น่ารับประทาน (อรัณย์ หนองพล, 2561)
3  เม็ดบีดส์ (Beads) หรือ ไมโครบีดส์ (Microbeads) คือ พลาสติกขนาดเล็กที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย (Pesonal care products) เช่น เจล/ครีมล้างหน้า สบู่อาบน้ำ สครับขัดผิวกาย สบู่/เจลล้างมือ ยาสีฟัน ยาทาเล็บ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน (Household care products) เนื่องจากมีความสามารถในการขัดถู มีประสิทธิภาพในการปลดปล่อยสารออกฤทธิ์ (Active ingredients) มีความสามารถในการยืดอายุของผลิตภัณฑ์ (Shelf life) และมีราคาถูก (State of NSW and Environmental Protection Authority, 2016)


 

คือ พลาสติกที่เกิดจากกระบวนการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่จนกลายเป็นชิ้นส่วน (Fragment) เส้นใย (Fiber) หรือแผ่นฟิล์ม (Film) ของพลาสติกที่มีขนาดเล็กลง (รูปที่ 2) กระบวนการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ให้กลายเป็นพลาสติกขนาดเล็กนี้ สามารถเกิดได้ทั้งโดยกระบวนการย่อยสลายทางกล (Mechanical degradation) กระบวนการย่อยสลายทางเคมี (Chemical degradation) กระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพ (Biological degradation) และกระบวนการย่อยด้วยแสง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีอัลตราไวโอเลต (UV degradation)


รูปที่ 2 ภาพแสดงไมโครพลาสติกทุติยภูมิชนิดต่าง ๆ ได้แก่ (ก) ชิ้นส่วน (Fragment) พลาสติก (ข) เส้นใย (Fiber) พลาสติก และ (ค) ฟิล์ม (Film) พลาสติก

การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดนั้น ในกรณีที่เป็นการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกปฐมภูมินั้น มักมีที่มาจากการใช้ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่มีไมโครพลาสติกชนิดดังกล่าวเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปนเปื้อนของเม็ดบีดส์ที่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน ในน้ำเสียจากบ้านเรือน แล้วถูกปล่อยออกมาสู่แหล่งน้ำผิวดิน หรือการปนเปื้อนของเม็ดพลาสติกบริสุทธิ์ที่หลุดรอดออกมาจากกระบวนการผลิตและปนเปื้อนสู่น้ำเสียในกระบวนการผลิต เป็นต้น (Medrano et al., 2015; Horton and Dixon, 2018) เช่น ผลการศึกษาของ Napper (2015) ซึ่งรายงานว่าการใช้สครับที่มีเม็ดบีดส์เป็นส่วนผสมล้างหน้า 1 ครั้ง ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของเม็ดบีดส์ลงสู่น้ำเสียครัวเรือนและแหล่งน้ำผิวดิน ได้เป็นจำนวนถึง 4,594–94,500 ชิ้น นอกจากนั้น Napper (2015) ยังได้ประมาณการว่าการดำรงชีวิตประจำวันของประชากร 1 คน อาจเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนไมโครพลาสติก (ชนิด PE) ประมาณ 40.5–215 กรัมต่อวัน แม้ว่าปัจจุบันน้ำเสียจากครัวเรือนและชุมชนโดยส่วนมากจะถูกรวบรวมและนำไปบำบัดก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำผิวดินก็ตาม หากแต่ไมโครพลาสติกนั้นเป็นสารมลพิษที่มีขนาดเล็ก ไม่ละลายน้ำ และมีน้ำหนักเบา ทำให้มลพิษชนิดนี้ไม่สามารถถูกบำบัดด้วยกระบวนการบำบัดน้ำเสียได้ จึงเล็ดรอดออกจากระบบบำบัดน้ำเสียออกมาพร้อมกับน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วสู่ธรรมชาติได้ในที่สุด


รูปที่ 3 ภาพแสดงตัวอย่างที่มาของการปนเปื้อนไมโครพลาสติกทุติยภูมิในแหล่งน้ำจืด

ปัจจุบันพบว่าพลาสติกที่มักถูกนำมาใช้ประโยชน์และผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ อย่างหลากหลายที่มักประกอบไปด้วยพลาสติก 6 ชนิด ได้แก่ PP PE PVC PUR PET และ PS และพบว่าการใช้ประโยชน์จากพลาสติกเหล่านี้มีค่าสูงถึง 80% ของปริมาณการใช้ประโยชน์จากพลาสติกทั้งหมด (PlasticsEurope, 2015) ส่วนขยะพลาสติกที่มักถูกพบในแหล่งน้ำผิวดินและอาจเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำนั้น พบว่ามีหลายชนิดด้วยกันดังแสดงในตารางที่ 1

                                                                                      หมายเหตุ: * อ้างอิงประเภทของพลาสติกจากการอธิบายคำย่อภาษาอังกฤษในส่วนแรกของบทความ

การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์การปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง และมีรายงานผลการวิจัยพบการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดต่าง ๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่มีการพัฒนาวิธีการเก็บตัวอย่าง การเตรียมตัวอย่าง และการตรวจวัดไมโครพลาสติกที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงทำให้ผลการศึกษาของงานวิจัยแต่ละชิ้นนั้นไม่สามารถถูกนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง ตัวอย่างวิธีการศึกษา และผลการศึกษาการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดต่าง ๆ สรุปได้ดังตารางที่ 2 ผลการศึกษาของตัวอย่างงานวิจัยพบว่าไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำนั้นมีปริมาณแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ศึกษา ไมโครพลาสติกที่พบปนเปื้อนในแหล่งน้ำจืดโดยส่วนมากเป็นประเภทเส้นใย (Fiber) และแหล่งที่มาของการปนเปื้อนไมโครพลาสติกนั้นพบว่ามาจากทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน

ผลการศึกษา ทะเลสาบเจนีวา 
(Geneva lake) 
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก จำนวน 1-7 ชิ้นในน้ำปริมาตร 1 ลิตร
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกประมาณ 55,000 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
- แหล่งที่มาของการปนเปื้อน คือ กิจกรรมของมนุษย์ริมทะเลสาบ และพื้นที่รอบทะเลสาบ รวมไปถึงต้นน้ำของทะเลสาบ
ทะเลสาบลอเรนเทียน 
(Laurentian Great lakes) 
ประเทศสหรัฐอเมริกา
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกเฉลี่ยประมาณ 43,000 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร 
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกสูงถึง 466,000 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่ใกล้กับชุมชนเมือง
- แหล่งที่มาของการปนเปื้อน คาดว่าคือเม็ดบีดส์ที่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย
- อย่างไรก็ดี พบว่าร้อยละ 20 ของอนุภาคของแข็งที่พบและคาดว่าคือไมโครพลาสติกนั้น แท้จริงแล้วคือเถ้าของถ่านหิน
ทะเลสาบฮอฟสโกล 
(Hovsgol lake) 
ประเทศมองโกเลีย
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกเฉลี่ยประมาณ 20,264 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
- ร้อยละ 81 ของไมโครพลาสติกที่ตรวจวัดได้มีขนาดเล็กกว่า 4.75 มิลลิเมตร 
ทะเลสาบไทฮู 
(Taihu lake) 
ประเทศจีน
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก จำนวน 3.4-25.8 ชิ้นในน้ำปริมาตร 1 ลิตร
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกประมาณ 10,000-6,800,000 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
- ไมโครพลาสติกที่ตรวจพบโดยส่วนมากเป็นประเภทเส้นใยขนาด 100-1,000 ไมโครเมตร โดยเป็นพลาสติกชนิดเซลโลเฟน (Cellophane)4
ทะเลสาบวินนิเพก 
(Winnipeg lake) 
ประเทศแคนาดา
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกประมาณ 53,000-748,000 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
- ไมโครพลาสติกที่ตรวจพบเป็นไมโครพลาสติกทุติยภูมิ ประเภทเส้นใย พิล์ม (Film) และโฟม (Foam) และตรวจไม่พบเม็ดบีดส์ในตัวอย่างน้ำ
ทะเลสาบ 20 แห่ง แม่น้ำแยงซี (Yangtze river)
และแม่น้ำหานเจียง (Hanjiang river) ในเมืองหวูฮัน (Wuhan city) 
ประเทศจีน
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกประมาณ 1,660-8,925 ชิ้นต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
- ไมโครพลาสติกที่ตรวจพบโดยส่วนมากพลาสติกชนิด PET และ PP ที่เป็นเส้นใย ที่มีสี และมากกว่าร้อยละ 80 ของไมโครพลาสติกที่ตรวจพบมีขนาดเล็กกว่า 2 มิลลิเมตร
- ปริมาณไมโครพลาสติกถูกพบมากในแหล่งน้ำที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เมืองและชุมชน
เขื่อนซานเสียต้าป้า หรือ เขื่อนสามผา (Three Gorges Reservoir)
ที่รับน้ำจากแม่น้ำแยงซี (Yangtze river) 
ประเทศจีน
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก จำนวน 1,597-12,611 ชิ้นในน้ำปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตร
- ไมโครพลาสติกที่ตรวจพบโดยส่วนมากเป็นพลาสติกชนิด PS PP และ PE และมีลักษณะเป็นเส้นใยใส 
- ปริมาณไมโครพลาสติกถูกพบมากในแหล่งน้ำที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เมืองและชุมชน
- นอกจากนั้นยังตรวจพบการปนเปื้อนสารมลพิษจำพวกตัวทำละลายอินทรีย์และอนุพันธ์ของผลิตภัณฑ์ยาในไมโครพลาสติกอีกด้วย
แม่น้ำดานูบ 
ประเทศออสเตรียน
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกสูงสุด จำนวน 17,349 (ค่าเฉลี่ย 316±4,664) ชิ้นในน้ำปริมาตร 1,000 ลูกบาศก์เมตร
- ร้อยละ 79.4 ของไมโครพลาสติกที่ตรวจพบเป็นพลาสติกที่เป็นสารตั้งต้นหรือวัตถุดิบสำหรับการอุตสาหกรรม มีลักษณะเป็นเม็ด และเกล็ดพลาสติก
คลองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam canal)
ประเทศเนเธอร์แลนด์
- พบการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก จำนวน 47-187 (ค่าเฉลี่ย 100) ชิ้นในน้ำปริมาตร 1 ลิตร
- ไมโครพลาสติกที่ตรวจพบโดยส่วนมากเป็นประเภทเส้นใย
งานวิจัยเกี่ยวกับการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดบางส่วน ไม่เพียงดำเนินการตรวจนับปริมาณการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำเท่านั้น หากแต่ยังได้ดำเนินการศึกษาถึงชนิดของพลาสติกที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำนั้นอีกด้วย ดังสรุปในตารางที่ 3 ซึ่งพบว่าประเภทของพลาสติกที่พบมากในแหล่งน้ำจืด คือ PE PP PS และ PET ซึ่งเป็นชนิดของพลาสติกที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคของมนุษย์หลายชนิดด้วยกัน (ตารางที่ 1) เช่น ถุงก๊อบแก๊บ ถุงพลาสติก ถุงขนม ฝาพลาสติกของบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ขวดน้ำดื่ม ขวดพลาสติก หลอด ภาชนะบรรจุอาหาร กล่องโฟมบรรจุอาหาร และช้อน ส้อม มีด และไม้จิ้มพลาสติก เป็นต้น 

ตารางที่ 3 ชนิดของพลาสติกที่จำแนกได้จากไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำจืด 

สถานที่ศึกษา เอกสารอ้างอิง
ทะเลสาบไทฮู (Taihu lake) ประเทศจีน Su et al. (2016)
ทะเลสาบซูบาลไพน์ (Subalpine lake) ประเทศอิตาลี Sighicelli et al. (2018)
ทะเลสาบ 20 แห่ง แม่น้ำแยงซี (Yangtze river) และแม่น้ำหานเจียง (Hanjiang river) ในเมืองหวูฮัน (Wuhan city) ประเทศจีน Wang et al. (2017)
ลุ่มน้ำคาร์พาเทียน(Carpathian basin) ประเทศฮังการี Bordós et al. (2019)
เขื่อนซานเสียต้าป้า หรือ เขื่อนสามผา (Three Gorges Reservoir) ที่รับน้ำจากแม่น้ำแยงซี (Yangtze river) ประเทศจีน  Di and Wang (2017)

 

การปนเปื้อนไมโครพลาสติกนั้นมิได้ถูกตรวจพบเพียงเฉพาะในทะเลและมหาสมุทรเท่านั้น หากแต่ยังพบในแหล่งน้ำจืดผิวดินทั่วโลกอีกด้วย สถานการณ์การปนเปื้อนนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ศึกษา อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาโดยส่วนมากพบว่าชนิดของพลาสติกที่ปนเปื้อนโดยส่วนมากนั้น คือ พลาสติกที่ถูกนำมาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use plastic) เช่น ถุงก๊อบแก๊บ ถุงขนม ขวดและฝาขวดพลาสติก หลอด ช้อน ส้อม มีด และไม้จิ้มพลาสติก เป็นต้น และมักพบการปนเปื้อนในปริมาณมากในพื้นที่ชุมชน นอกจากนั้นแล้วยังพบว่าน้ำทิ้งจากชุมชน ยังเป็นสาเหตุของการปนเปื้อนไมโครพลาสติกประเภทเส้นใยในแหล่งน้ำอีกด้วย การปนเปื้อนไมโครพลาสติกนี้ยังถูกพบในแหล่งน้ำดิบของน้ำประปาเพื่อการอุปโภคและบริโภคและน้ำประปาที่ผ่านปรับปรุงคุณภาพน้ำแล้วอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์การปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำจืดและแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคในประเทศไทย เพื่อให้ทราบสถานการณ์การปนเปื้อนไมโครพลาสติกในปัจจุบัน อันจะสามารถเป็นประโยชน์ต่อการออกนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "โครงการศึกษาสถานการณ์และการจัดการขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกในประเทศไทย" ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุนวิจัยเลขที่ CU-GR(S)-61-45-54-01